หมวดหมู่: สังคมทั่วไป

เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาทางการจีนได้ประกาลออกมาว่า ปลาฉลามปากเป็ดจีน ปลาในแม่น้ำแยงซีศูนย์พันธุ์ เป็นหนึ่งสัตว์ในน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่จนได้รับฉายาว่าเป็นราชาปลาน้ำจืดแห่งแม่น้ำแยงซีอยู่ในสถานะศูนย์พันธุ์แล้วหลังจากที่ก่อนหน้าเมือ่ปี1996หรือว่า20กว่าปีก่อนสหภาพระหว่างประเทศ

เพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติRUCNกำหนดให้เจ้าปลาฉลามปากเป็ดจีนเป็นสัตว์ที่ใกล้จะศูนย์พันธุ์ปลาฉลามปากเป็ดจีนถ้ามันโตเต็มวัยว่ากันว่ามันจะมีความยาวมากถึง7เมตรน้ำหนักหนักได้สูงสุดเท่าที่มีการค้นพบ450กิโลกรัมเป้นปลาสายพันธุ์โบราณที่พบมากที่สุดในแยงซีมาตั้งแต่34-75ล้านปีก่อนและมันได้เป็นเพียง1/2ของวงตระกูลสัตว์ในยุคเดียวกับไดโนเสาร์และยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน

ปลาในแม่น้ำแยงซีศูนย์พันธุ์ หลายคนก็บอกว่าตอนนี้มันไม่หลงเหลืออยู่แล้วแต่ปลาฉลามปากเป็ดจีนมันอาจจะไม่ใช่ปลาสายพันธุ์เดียวที่ถูกประกาศว่าศูนย์พันธุ์เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีรายงานว่าสัตว์น้ำในแม่น้ำแยงซีเสี่ยงศูนย์พันธุ์มาโดยตลอดและเมื่อย้อนไปในปี2018ประธานาธิบดีของจีนเองก็ได้ออกมาบอกว่าในสภาวะแวดล้อมของแม่น้ำแยงซีนั้นได้มีสภาพที่เสื่อมโทรมไปมาก

โดยหลักการดัชนีที่หลากหลายทางชีวภาพได้มีความตกต่ำลงไปในที่สุดแล้วมันอาจจะทำให้ไม่มีสัตว์น้ำเหลืออยู่แล้วในแม่น้ำแห่งนี้นอกจกานี้ทางด้านสำนักงานข่าววของจีนได้เปิดเผยอีว่าสัตว์น้ำที่ทำการจับได้ในแม่น้ำแยงซีนั้นหากย้อนถอยหลังกลับไปเมื่อ70กว่าปีก่อนในปี1954ตอนจับปลาได้น้ำหนักค่อนข้างที่เยอะเยอะเลยต่อปี

นอกจากนี้ให้หลังไม่กี่ปีที่ผ่านมาชาวประมงเขาจับสิ่งมีชีวิตในน้ำได้แค่ประมาณหลักแสนตันต่อปีเราจะเห็นได้เลยว่ามันมีความแตกต่างก็อย่างสิ้นเชิงในการจับของแต่ละปีดังนั้นแม่น้ำแยงซีที่เป็นแม่น้ำขนาดใหญ่เป็นอันดับ3ของโลกมันอาจจะไม่มีปลาหลงเหลืออยู่แล้ในแม่น้ำสายนี้

ดังนั้นเราจะมาดูกันว่ามันจะมีสัตว์น้ำประเภทไหนที่ค่อนข้างจะมีความชัดเจนที่ได้มีการประกาศมาว่าได้ศูนย์พันธุ์ไปจากในแม่น้ำแยงซีหรือมันอาจจะศูนย์พันธุ์ไปจากโลกใบนี้ล่าสุดโลมาที่เขาว่ากันว่าเป็นปลาโลมาที่หายากมากที่สุดในโลกในความเด่นของตัวปลานั้นจะมีลำตัวสีขาวจะงอยปากแคบครีบจะยาวน้ำหนักสุดจะอยู่ที่ประมาณ230กิโลกรัมอายุประมาณ24ปี

เพราะฉะนั้นแล้วคนจีนยังได้กล่าวอีกว่าโลมาตัวนี้ถือว่าเป็นราชินีแห่งแม่น้ำแยงซีเลยทีเดียวเมื่อ14-15ปีก่อนในปี2006นักวิทยาศาสตร์ได้ออกค้นหาปลาโลมาตลอดลำน้ำแยงซีกลับไม่พบเลยแม้แต่ร่องรอย

สนับสนุนโดย  www.ufabet.com ลิ้งเข้าระบบ

การที่เราเดินออกนอกบ้านคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่ให้คนนินทาแต่การที่เราได้เจอผู้คนที่ชอบนินทานั้นเราควรที่จะต้องทำอย่างไรดีสำหรับใครที่กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการนินทาชาวบ้านหรือพบเจอกับกลุ่มคนที่ชอบจับกลุ่มเพื่อนนินทาเราอยู่เราควรที่จะปฏิบัติตัวอย่างไรหรือ เจอคนชอบนินทาเราควรจะทำอย่างไร  ถ้าหากเราไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้เราควรจะต้องทำอย่างไรและแก้ไขอย่างไรวันนี้เราจะมีคำตอบกันนะคะ 

ไม่ว่าเราจะเดินทางไปทางไหนก็มักเจอแต่ผู้คนที่ชอบนินทาอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานกลุ่มคนในหมู่บ้านหรือแม้แต่ญาติพี่น้องเราเองก็ตามที่ชื่นชอบจับกลุ่มนินทาไม่เว้นแต่ละวันแต่เราก็ไม่สามารถที่จะห้ามหรือบอกพวกเขาว่าไม่ให้นินทาเราได้หรือเราก็ควรที่จะไม่เข้าไปร่วมกลุ่มในการนินทาเรานั้นดังนั้นถ้าหากคุณเป็นบุคคลที่กำลังเจอกับปัญหาอย่างนี้ทางออกของคุณก็คือ 

คุณไม่ควรที่จะเดินเข้าไปในกลุ่มที่มีการจับกลุ่มนินทากันอยู่หากคุณกำลังเห็นผู้คนที่นินทา. เจอคนชอบนินทาเราควรจะทำอย่างไร   เช่นนั้นก็ให้คุณหลีกเลี่ยงหรือเดินหนีเพื่อที่จะไม่เข้าไปอยู่และเข้าไปร่วมก๊วนกับเขาเพราะถ้าเขานินทาคนอื่นได้เขาก็ต้องนินทาเราได้เช่นกันไม่ว่าเราจะอยู่ในกลุ่มหรือเราจะไม่อยู่ในกลุ่มเขาก็จะนินทา 

ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราก็ควรที่จะเดินหนีและไม่ควรไปฟังเสียงนกเสียงกาต่างๆเหล่านั้นเพราะมันจะทำให้เรารู้สึกไม่ดีเกิดอาการนอยด์หรือเกิดความเครียดขึ้นมาได้ซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบุคคลที่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวนั้นก็จะทำให้จิตใจบริสุทธิ์ผุดผ่องแล้วก็ไม่เครียดกับสิ่งต่างๆนานา

การที่เขานินทาเราเราก็มองออกอยู่แล้วว่าเขาเป็นคนเช่นไรแต่การที่เราเข้าไปรวมอยู่กับกลุ่มเหล่านั้นและนินทาผู้อื่นเราก็จะเป็นบุคคลเช่นนั้นและเราก็จะหลีกหนีคนกลุ่มเรานั้นไม่ได้ด้วยดังนั้นถ้าหากเราไม่ควรไปยุ่งตั้งแต่แรกมันก็จะเป็นการดีสำหรับตัวเราและสำหรับครอบครัวเราหรือถ้าหากมีการนินทาเข้ามาให้เราได้ยินเราก็ไม่ควรที่จะสนใจกับเสียงนกเสียงกาเหล่านั้นเราควรอยู่กับปัจจุบันของเราให้ดีที่สุด

ในกลุ่มของผู้ที่ทำงานแล้วชอบจับกลุ่มนินทาเราสามารถที่จะไม่ไปวุ่นวายกับพวกเขาได้หรือควรหลีกเลี่ยงได้เพราะว่าการที่เราไม่เข้าไปยุ่งนั่นก็ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่ใช่คนดีหรือการที่เราเข้าไปยุ่งก็อาจจะก่อให้เกิดการทำให้เราเสื่อมเสียเพราะว่าการที่เราไปยุ่งทุกทีนั้นก็ต้องหนีไม่พ้นกับสิ่งที่เราจะโดนนินทาไปด้วยเช่นกัน

สนับสนุนโดย.    sa gaming สมัครยังไง

            นับตั้งแต่กลางปีพ.ศ.2563 ที่ผ่านมาสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยนั้นมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ส่งผลทำให้หน่วยงานของ สบค . ที่ดูแลการจัดการเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19  ต้องประสานงานกับ กระทรวงศึกษาธิการสั่งเลื่อนการเปิดการเรียนการสอนของโรงเรียนทั่วประเทศเพื่อป้องกันเด็กนักเรียนติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นั่นเอง

     อย่างที่เรารู้กันดีว่าสถาบันการศึกษานั้นเป็นสถานที่ที่รวมเด็กเป็นจำนวนมากอยู่ด้วยกันและด้วยความเป็นเด็กการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19  นั้นจะมีน้อยกว่าผู้ใหญ่ดังนั้นจึงเป็นสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงหากปล่อยให้เด็กไปโรงเรียนในขณะที่ยังไม่สามารถที่จะควบคุมการระบาดของไวรัสได้ทางที่ดีที่สุดกระทรวงศึกษาธิการจึงจำเป็นที่จะต้องให้โรงเรียนต่างๆเรื่องการเปิดการเรียนการสอนไปก่อนโดยหันมาใช้วิธีการเรียนผ่านระบบออนไลน์ซึ่งปัจจุบันนี้กำลังได้รับความนิยมจากทั่วโลก 

       อย่างไรก็ตามเมื่อเริ่มมีการเปิดประกาศให้มีการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ปรากฏว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้กันหนักมากแน่นอนว่าสำหรับคนที่มีเงินพอที่จะมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือระบบสมาร์ทโฟนรวมถึงมีเงินจ่ายค่าอินเตอร์เน็ตนั้นสามารถที่จะดูแลบุตรหลานของตนเองได้แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีกลุ่มคนอีกเกือบครึ่งค่อนประเทศที่ไม่ได้มีเงินร่ำรวยเงินทองมากพอที่จะซื้ออุปกรณ์ต่างๆเหล่านี้ยังมีผู้ปกครองที่หาเช้ากินค่ำและกลุ่มคนที่อยู่ต่างจังหวัดที่ไฟฟ้าอาจจะยังเข้าไม่ถึงที่ต้องผจญกับปัญหาไม่สามารถที่จะเตรียมอุปกรณ์ในการเรียนออนไลน์ให้กับบุตรหลานของตนเองได้

            ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมีการแก้ไขปัญหาสถานที่ที่เน็ตเข้าไม่ถึงแต่ก็ยังมีประชาชนบางส่วนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้หรือบ้านยากจนไม่มีโทรทัศน์ดูซึ่งแน่นอนว่าการเรียนออนไลน์ผ่านทางโทรทัศน์นั้นถ้าไม่มีโทรทัศน์ดูก็ไม่สามารถเรียนได้เช่นเดียวกันนี่คือปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเรียนออนไลน์ทั่วประเทศดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าการเรียนออนไลน์ไม่ได้เหมาะกับประชาชนทุกคนเพราะแต่ละคนนั้นมีภาระที่แตกต่างกันออกไปและมีความสามารถในการรับผิดชอบในการซื้ออุปกรณ์ดูแลบุตรหลานของตนเองนั้นแตกต่างเช่นเดียวกัน

      จะเห็นได้ว่าตามข่าวสารที่เริ่มมีการประกาศให้เรียนออนไลน์ผู้คนต้องเก็บเงินเพื่อพาลูกหลานตนเองนั้นไปซื้อสมาร์ทโฟนในราคาที่ประหยัดอย่างต่ำก็อยู่ที่ประมาณ 2,000 บาทซึ่งแน่นอนว่านอกจากจะต้องเสียค่าโทรศัพท์มือถือแล้วยังต้องเสียค่าอินเตอร์เน็ตอีกต่างหากโดยถ้าซื้อเป็นแบบรายเดือนขั้นต่ำก็อยู่ที่ประมาณเกือบ 500 กว่าบาทหรือถ้าเกิดว่าซื้ออินเทอร์เน็ตที่คู่มากับเบอร์มือถือก็จะต้องขึ้นอยู่กับแพ็คเกจที่เลือกเห็นได้ชัดว่าวิธีการนี้เป็นการสร้างภาระให้กับประชาชนนั่นเอง 

       และนี่คือปัญหาหลักที่ทางด้านกระทรวงศึกษาธิการควรจะต้องลงมาศึกษาแนวทางวิธีการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการเปิดการเรียนการสอนว่าจะสามารถทำวิธีการไหนได้บ้างที่จะทำให้นักเรียนสามารถเรียนได้อย่างทั่วถึงและไม่เกิดการเหลื่อมล้ำกัน 

สนับสนุนโดย    เซ็กซี่ บาคาร่า ทดลอง