การใช้ชีวิตในสังคมช่วงวัยรุ่นนั้นมันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย

การใช้ชีวิตในสังคมช่วงวัยรุ่นนั้นมันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย ผมเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน ในช่วงนั้นยังวัยรุ่นอยู่ น่าจะราวช่วงอายุ18-19 ในตอนนั้นผมยังเป็นเด็กแว๊นตามท้องถนน ซึ่งต้องยอมรับว่าสร้างแต่ความเดือดร้อนให้กับคนอื่นเป็นประจำ และนั้นก็ส่งผลทำให้ต้องเดือดร้อนถึงพ่อแม่อยู่บ่อยๆ เพราะพวกเขาจะต้องมาคอยประกันตัวที่โรงพักแทบจะทุกวัน 

เรียกว่าผมทำแต่เรื่องที่ให้ครอบครัวหนักใจหรือไม่สบายใจอยู่บ่อยครั้งเรื่อยไป

ผมต่อยตีกับเพื่อนไปทั่วไปบางครั้งก็เอามีดไล่ฟันบางครั้งก็โดนเอาคืนกลับบ้างบางครั้งเพื่อนก็หนีไม่ยอมช่วยบ้าง ซึ่งเป็นเราเองที่เจ็บอยู่มาตลอด หลายครั้งที่มีเรื่องไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวก เพราะมีแต่ความระแวงคู่อริหรือแทบจะออกจากบ้านไปไหนไม่ได้เลยก็ว่าได้ครับ อยู่แต่บ้านพ่อแม่ว่าด่าสั่งสอนเราก็ไม่ฟังดื้อบ้างไม่ฟังบ้างเพราะยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นและติดเพื่อนอีกด้วย 

ถามว่าเพื่อนนั้นจะจริงใจกับเราได้ตลอดไหมก็ไม่เชิงบางจำพวกก็ดี บางคนก็ไม่จะจริงใจสักเท่าไหร่มีเรื่องทีเราก็จะเป็นคนที่ออกตัวอยู่เสมอแต่หารู้ไม่ว่าตอนที่เราติดคุกติดตารางให้กันที่คอยสั่งข้าวส่งน้ำให้เราให้ความรักกับเราตลอดก็จะมีแต่พ่อกับแม่เท่านั้นแหล่ะ

 เราติดคุกยังไม่เห็นจะมีเพื่อนคนไหนที่จะมามองเราเลยสักคนที่ติดอยู่ข้างในคุกแต่พอมีเรื่องทีก็ไม่หนีคำว่าเพื่อนอยู่ดี ช่วงอายุ20เริ่มคิดได้ว่าที่ผ่านมาสร้างแต่ปัญหาให้กับครอบครัวไว้เยอะเลยหน้ามาตั้งใจทำงานเก็บเงินส่งให้ครอบครัวต่อมาจากที่ทำงานเก็บเงินแฟนได้ตั้งท้องประมาณ5เดือนก็เลยคิดและ

ตั้งใจทำงานเก็บส่งให้ลูกเมียทำไม่เคยจะได้หยุดพักเลยสักวันนึงจนมาได้คิดก็คิดได้ว่าการมีลูกนั้นและความรักผิดชอบมันเหนื่อยขนาดไหนเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่เลยทีเดียวว่าการเป็นหัวหน้าครอบครัวมันเป็นยังไงจนพ่อได้ป่วยลงแล้วแม่ก็ป่วยไปตามๆกันจากนั้นลูกก็ได้โตขึ้นมากเรื่อยๆจากเด็กเล็กมาเป็นเด็กโตเข้าสู่ในช่วงวัยรุ่นก็มีแต่สร้างปัญหาติดเพื่อนบ้างเสพยาเสพติดบ้างติดคุกติดตาราง

สร้างแต่ปัญหาให้กับคนเป็นพ่อมากจังหวะนั้นได้คิดถึงในช่วงเวลาตอนผมเป็นวัยรุ่นมากเลยครับการเป็นวัยรุ่นนั่นมันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยครับเว้นแต่ว่าเราหลงผิดคิดคบเพื่อนที่แนะนำในทางที่ผิดให้เราอย่างจะฝากวัยรุ่นทั้งหลายไว้ด้วยน่ะครับเลิกแข่งรถบนท้องถนนหลวงและหันมาแข่งในสนามดีกว่าครับอีกเลือกคบเพื่อนก็ให้เลือกคบเพื่อนที่คอยแนะนำสิ่งดีๆให้กับเพื่อนไม่ใช่คอยแต่จะพาทำเรื่องเดือดร้อนทุกข์ใจให้กับพ่อแม่และครอบครัว

ธุรกิจประหลาด รับตัดเก็บรอยสักคนตายไว้เป็นที่ระลึก

ธุรกิจประหลาด รับตัดเก็บรอยสักคนตายไว้เป็นที่ระลึก

ธุรกิจประหลาด รับตัดเก็บรอยสักคนตายไว้เป็นที่ระลึก รอยสัก ศิลปะบนเรือนร่างที่มีค่ามากกว่าความสวยงามภายนอก
แต่ละรอยสักล้วนมีที่มาและที่ไปซึ่งมีความหมายที่จะอยู่แนบแน่นกับร่างกายของเจ้าของรอยสักไปตลอดชีวิต กับบางคน รอยสัก มีความหมายต่อพวกเขา เช่น บางคนสักชื่อ รูป ความทรงจำต่างๆ

ที่มีความหมายลงบนเรือนร่างที่เปรียบเสมือนคุณค่าทางจิตใจที่ออกมาเป็นลวดลายบนตัวพวกเขาซึ่งรอยสักนั้น สามารถบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์และความเป็นตัวตนของเจ้าของได้เป็นอย่างดีในประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีบริษัทไอเดียแปลกๆเปิดตัวทำธุรกิจรักษารอยสักของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วให้ยังคงอยู่ เพื่อให้ญาติและคนรักได้เก็บไว้ดูต่างหน้า

บริษัท“ Save My Ink Forever ” ตั้งอยู่ที่เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกาของสองพ่อลูกผู้หลงใหลในรอยสักอย่าง ไมเคิล และ ไคล์ เชอร์วูดมีขั้นตอนและวิธีการเก็บรักษารอยสักโดย
เมื่อทางครอบครัวหรือญาติต้องการเก็บรอยสักของผู้เสียชีวิตจะต้องทำการติดต่อมายังบริษัทภายในเวลา 18
ชั่วโมงหลังจากเจ้าของเสียชีวิต

บริษัทจะส่งทีมงานไปจัดการเฉือนผิวหนังบริเวณรอยสักที่ต้องการมาแช่น้ำยาซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถช่วยให้รอยสักบนผิวหนังคงสภาพสมบูรณ์ไว้ที่สุดจากนั้นจึงนำแผ่นผิวหนังที่มีรอยสักไปตกแต่งให้สวยงามแล้วนำมาใส่กรอบรูปตามขนาดที่เหมาะสมพร้อมกระจกป้องกันรังสียูวีเพื่อช่วยรักษาสภาพรอยสักให้คงทนและนานยิ่งขึ้น เมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้วจึงส่งให้กับครอบครัว

ขั้นตอนต่างๆเรานี้จะใช้เวลาประมาณสามถึงสี่เดือนราคาค่าใช้จ่ายก็จะประมาณ 29,000 – 49,000 บาทซึ่งราคาค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บรอยสักของผู้เสียชีวิตนั้นจะขึ้นอยู่ตามขนาดและลวดลายของรอยสักบางคนรอยสักเปรียบเสมือนความทรงจำ ไดอารี่ของพวกเขาเมื่อวันนึงวันที่พวกเราทุกคนไม่สามารถหลีกพ้น คือความตาย

และเมื่อเจ้าของรอยาสักได้จากโลกนี้ไปพร้อมกับรอยสักเท่ากับความทรงจำเหล่านั้นต้องหายไปด้วยงั้นเหรอแต่ธุรกิจนี้ถือว่าเป็นไอเดียที่แปลกอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วยังคงอยู่ในความทรงจำให้เราได้เห็นและนึกถึงตลอดไป

จากไปแต่ตัว “ รอยสัก “ ยังอยู่นิรันดร์